ข่าวเด่น

ซาบซึ้งใจ! หนุ่มวัย18เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ บริจาคอวัยวะช่วยต่อชีวิตได้อีก6คน

เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงรายว่า ที่ห้องประชุมชั้น 5 อาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จ.เชียงราย นายแพทย์สำเริง สีแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ นายแพทย์พงศกร พงศาพาส ศัลยแพทย์ระบบประสาทและสมอง ผู้รับผิดชอบศูนย์รับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ พร้อมคณะพยาบาลและญาติผู้เสียชีวิต ที่บริจาค อวัยวะผ่านศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ได้ร่วมกันแถลงข่าวว่า กรณีได้มีผู้ที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ชื่อว่านายพงศธร อัมพุธ อายุ 18 ปี บ้านเลขที่ 180 หมู่ 3 ต.หนองหล่ม อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา หลังจากเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลมาได้นาน 3 วัน และพบว่าผู้เสียชีวิตได้ทำเรื่องขอบริจาคอวัยวะผ่านศูนย์ฯ ทำให้ทางโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ได้แจ้งให้ญาติรับทราบเพื่อขออนุญาต

โดยนายวัชระ อัมพุธ อายุ 56 ปี บิดาของนายพงศธร กล่าวว่า บุตรชายของตนจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนดอกคำใต้วิทยาคม และสอบติดเพื่อเตรียมเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก ในภาคเรียนหน้านี้แต่ได้ประสบอุบัติเหตุขับรถจักรยานยนต์เสียหลักพุ่งลงข้างทาง ทำให้ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน และไม่รู้สึกตัวมาตั้งแต่อยู่ที่โรงพยาบาลพะเยาจากนั้นจึงมีการส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ และเสียชีวิตในที่สุด หลังจากนั้นครอบครัวของเราได้รับทราบจากแพทย์ว่าบุตรชายได้ทำเรื่องขอบริจาคอวัยวะผ่านศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ทำให้พวกเรารู้สึกแปลกใจและยังรับไม่ได้ในช่วงแรก แต่เมื่อเห็นว่าเป็นความต้องการของลูกที่เขาได้ตั้งใจเอาไว้ จึงได้ร่วมอนุโมทนาบุญและคิดเสียว่าแม้เราจะเสียใจมากแต่ลูกของเราก็ได้ไปช่วยเหลือคนได้ถึง 6 คน จึงอนุญาตให้แพทย์ได้ดำเนินการตามขั้นตอน

ทางด้าน นางเสาร์คำ อัมพุธ อายุ 47 ปี มารดาของนายพงศธร กล่าวว่า ลูกชายเป็นคนดี ชอบทำบุญ และคนเรียบร้อย และเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาลูกชายได้แอบไปทำเรื่องขอบริจาคอวัยวะโดยที่ครอบครัวไม่เคยรับรู้มาก่อน กระทั่งได้มีจดหมายแจ้งตอบรับจากศูนย์รับบริจาคส่งมาที่บ้าน ทำให้ตนพึ่งได้รับทราบ ครั้งแรกตนก็รู้สึกน้อยใจและไม่เห็นด้วยกับลูกเพราะเกรงจะเป็นลางร้าย แต่เมื่อทราบถึงความต้องการของเขาที่จะทำบุญและยังได้รับทราบจากแพทย์ว่าในปัจจุบันมีผู้ที่ขาดแคลนอวัยวะเป็นจำนวนมาก ทำให้ได้ปรึกษากันภายในครอบครัว ก็อนุญาตให้แพทย์ทำตามขั้นตอน เพื่อร่วมทำบุญกับเขา

ทั้งนี้นายแพทย์สำเริง กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ต้องขอขอบคุณครอบครัวอัมพุธ เป็นอย่างมากที่อนุญาตให้นายพงศธรได้บริจาคอวัยวะ เพราะถือว่าได้ประโยชน์ในช่วยเหลือผู้ป่วยให้รอดชีวิตได้อีกหลายรายซึ่งถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่ เพราะสถานการณ์ผู้ป่วยทั้งประเทศในปัจจุบันพบว่ามีผู้ป่วยกว่า 6,241 รายที่จำเป็นต้องได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะโดยส่วนใหญ่เป็นอวัยวะไตถึง 6,000 กว่าราย รองลงมาคืออวัยวะตับ 247 ราย หัวใจและปอดอย่างละ 23 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงแต่พบว่าบริจาคอวัยวะได้ในปี 2562 เพียง 111 ราย และมีผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะเพียง 255 ราย ซึ่งถือว่ายังไม่เพียงพอ ปัจจุบันโรงพยาบาลจึงได้มีการประชาสัมพันธ์ในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้คนในสังคมได้เห็นถึงความสำคัญอย่างต่อเนื่องแล้ว

ทางด้านนายแพทย์พงศกร กล่าวว่า ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2550 และได้เปลี่ยนเป็นศูนย์รับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะเมื่อปี 2557 ได้มีผู้ประสงค์บริจาคอวัยวะและสามารถนำอวัยวะไปปลูกถ่ายต่อได้จำนวน 39 ราย สามารถช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยได้กว่า 100 ราย ส่วนใหญ่เป็นการปลูกถ่ายกระจกตา 26 ราย ที่เหลือเป็นอวัยวะอื่นๆ สำหรับกรณีของนายพงศธร สามารถนำอวัยวะไปปลูกถ่ายได้ถึง 6 อย่าง คือหัวใจ ตับ ไตจำนวน 2 ข้าง กระจกตาจำนวน 2 ข้าง สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยที่รอรับการรักษาได้ถึง 6 ราย ซึ่งถือว่าเป็นบุญกุศลอย่างมาก ทั้งนี้ปัจจุบันโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์มีศักยภาพในการปลูกถ่ายอวัยวะแต่ก็พบการขาดแคลนการบริจาค ดังนั้นโรงพยาบาลจึงได้ดำเนินการ 3 ขั้นตอน คือ ภายนอกโรงพยาบาลได้ออกให้ความเข้าใจต่อประชาชนถึงความสำคัญ ภายในโรงพยาบาลก็ทำการค้นหาผู้ป่วยที่จะบริจาคอวัยวะ และอีกขั้นตอนคือเมื่อได้อวัยวะแล้วก็ทำการปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยตามขั้นตอน

สำหรับกรณีของนายพงศธร ทางแพทย์ได้นำอวัยวะไปปลูกถ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่รอการช่วยเหลือประกอบด้วยผู้ป่วยหัวใจวาย 1 คน ผู้ป่วยไตวาย 2 คน ผู้ป่วยตับวาย 1 คน และผู้ป่วยตาบอด 2 คน รวมทั้งหมดจำนวน 6 คน และหลังจากทำการรับอวัยวะเสร็จทางโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ได้อำนวยความสะดวกให้มีพิธีรับศพ เพื่อให้ครอบครัวนำไปจัดการตามประเพณีที่ อ.ดอกคำใต้ ท่ามกลางการขอบคุณจากคณะแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ในปัจจุบันทางศูนย์รับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะได้พยายามประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้เปลี่ยนความเชื่อเรื่องการบริจาคอวัยวะว่าเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่โดยเฉพาะไม่เกี่ยวข้องกับการเกิดขึ้นใหม่ในชาติถัดไปที่จะต้องสูญเสียอวัยวะไปแต่อย่างใดโดยสอดแทรกคำสอนของพระสงฆ์ในเอกสารประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องด้วย.